talisa clinic
บทความจากแพทย์
การปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคพิเศษ
ฉีด Botox อันตรายไหม ?
ในสมัยนี้คนนิยมฉีด Botox เป็นจำนวนมาก แต่การฉีดนั้นอันตรายไหม ??
ก่อนตัดสินใจฉีด Botox ไม่ว่าเพื่อลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า ลดกราม จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับ Botox ให้ละเอียด เพราะในปัจจุบัน มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งอาจมีคนฉวยโอกาสใช้ Botox ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ได้รับการฉีดกับบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ ถือว่าเป็นอันตรายมากในการรักษา
หากคนไข้เผลอไปฉีดกับหมอกระเป๋า หรือ ฉีดBotox ปลอมจะเกิดผลข้างเคัยงอย่างไรบ้าง?
- อักเสบติดเชื้อหลังฉีด กรณีนี้มักเกิดจากคนไข้เลือกฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานครับ หรือหมอกระเป๋า ที่ใช้อุปกรณ์ที่ ไม่สะอาดมากพอ ไม่มีระบบการดูแลความสะอาดปลอดเชื้อเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อักเสบ และส่งผลเสียระยะยาว
- การฉีดผิดพลาด หนังตาตก มุมปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด หน้าแข็ง เกิดจากฉีด Botox ในบริเวณใกล้ตำแหน่งที่เกิดผลข้างเคียง หากฉีดผิดเทคนิค รวมถึงการประเมินปริมาณ Botox ไม่เหมาะสม และฉีดไม่ถูกตำแหน่ง นั่นเอง
วิธีเช็ค Botox แท้ดูยังไง ?
การหาซื้อ Botox จากอินเทอร์เน็ตมาฉีดเอง ถือว่าไม่ปลอดภัยมาก ๆ เพราะเป็นbotox ปลอม botox หิ้ว ที่ไม่ได้มาตรฐานแน่นอน เมื่อนำมาใช้ฉีดเองโดยไม่มีความรู้ ย่อมเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย ผลเสีย สำหรับbotoxปลอม อาจจะได้ผลดีในการฉีดครั้งแรก ๆ แต่ด้วยตัวยาที่ไม่บริสุทธิ์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อต้านbotoxขึ้นมาได้ เรียกว่า การดื้อ botox เมื่อฉีดครั้งต่อ ๆ มาถึงแม้ว่าจะใช้ของแท้ที่บริสุทธิ์ ก็อาจจะไม่ได้ผล และเป็นภาวะที่ยังไม่มีทางรักษา
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจว่าจะ ฉีด Botox ที่ไหนดี ?
- คนไข้ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับจุดสังเกตโบท็อกของแท้ยี่ห้อต่าง ๆ
- ก่อนฉีดขอให้หมอแกะกล่องเปิดขวด
- ที่ตัวกล่องหรือขวดสามารถ Scan ดูข้อมูลได้ว่าสั่งจากบริษัทโดยตรง ซึ่งจะ ผ่าน อย. แน่นอน
- ผสมยาให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง (โบท็อกแท้ทุกยี่ห้อจะมาในลักษณะผลึกขาว ๆ แห้ง ๆ เคลือบที่ก้นขวด จะไม่มีน้ำอยู่ในขวด หมอต้องใส่น้ำเกลือลงไปในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อละลายก่อนฉีด
อันตรายจาก Filler ปลอม
การฉีดFiller ไม่ใช่หัตถการที่อันตรายหรือมีความเสี่ยงสูง แต่ต้องเลือกคลินิกฉีดFiller ที่ได้มาตรฐาน ใช้ Filler แท้ หมอมีประสบการณ์และใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง
การฉีด filler ปลอมมีอันตรายมากครับ หลังฉีดไปแล้วจะย้อยเป็นก้อนแข็ง อาจมีอาการแพ้ filler อักเสบติดเชื้อ บวมแดง ทำให้ผิวขรุขระ และในรายที่อาการหนักอาจเนื้อตายหรือตาบอดได้
หากฉีด filler ราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย ไม่ผ่านอย. ฉีดแล้วไม่สลายตัว แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้นครับ
ที่สำคัญคือต้องทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาดมากพอ เลือกหมอที่มีความชำนาญ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด Filler ที่ใด ควรพิจารณาข้อมูลอย่างละเอียด อย่ามองเฉพาะที่ราคาถูก เพราะอาจไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อดีของการฉีด Filler
- Filler ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย และปรับโครงสร้างใบหน้า
- เห็นผลทันที ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองจากอย. ไม่ทำให้เกิดการแพ้ ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
- สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ หรือฉีดสลายออกโดยไม่เป็นอันตราย
- แก้ไขในจุดที่เป็นปัญหาได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
- ใช้แก้ปัญหาในจุดที่ต้องการความละเอียดสูงได้ดี เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม
การจะเลือกว่า Filler ยี่ห้อไหนดี ขึ้นอยู่กับจุดที่ต้องการฉีดครับ ไม่มี Filler ยี่ห้อไหน รุ่นไหน ที่สามารถฉีดได้ทุกจุด ทุกสภาพผิว ดังนั้นเมื่อเข้ามาที่คลินิกหมอจะเป็นคนประเมินปัญหาของคนไข้แต่ละเคส และเลือกใช้ Filler รุ่นที่เหมาะสม
YAG Laser กำจัดขนทำไมถึงดีที่สุด
YAG laser เป็นเทคโนโลยีคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดขน ซึ่งมีความยาวของช่วงคลื่นอยู่ที่ 1064 nm เป็นช่วงความยาวคลื่นขนาดนี้จะสามารถลงลึกไปในผิวหนังชั้นลึกได้ถึง 7 มิลลิเมตร และมีความสามารถในการจับกับเม็ดสีของเส้นขนที่มีสีเข้มได้ดีกว่าคลื่นพลังงานเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ จึงเหมือนกับคนเอเชียที่มีเส้นขนสีเข็ม แต่มีสีผิวที่ค่อนข้างขาว ออกไปทางเหลือง
โดยการทำงานของ YAG Laser ขณะที่คลื่นพลังงานถูกส่งลงไปแล้ว ความร้อนจากพลังงานเลเซอร์จะไปจับกับรากของเส้นขน เมื่อเส้นขนได้รับความร้อนในประมาณหนึ่งแล้ว รากขนจะหยุดการเจริญเติบโต และฝ่อตัวลงไปในที่สุด จากนั้นเส้นขนก็จะค่อย ๆ หลุดร่วงไปและไม่กลับมาขึ้นอีกเลย ทั้งนี้ในการทำเลเซอร์กำจัดขนด้วย YAG Laser แต่ละครั้งจะสามารถกำจัดเส้นขนได้ 20 – 30% ของเส้นทั้งหมดในบริเวณที่ทำ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ทำเลเซอร์ขนซ้ำ 5 – 8 ครั้ง เพื่อให้เส้นขนถูกกำจัดออกให้หมด แต่โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังจากทำครั้งที่ 4 – 5 เป็นต้นไป และจำนวนครั้งที่เหลือจะเป็นการเก็บเส้นขนที่เหลือ เพื่อให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้นค่า
กำจัดขนแล้วจะหายถาวรไหม ?
วิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ คือการทำเลเซอร์กำจัดขน เพราะเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังเห็นผลดีในระยะยาว อย่างไรก็ตามการทำเลเซอร์ขนนั้นก็จะต้องทำติดต่อกันหลายครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องทำเลเซอร์ขนกี่ครั้งถึงจะเห็นผล วันนี้มีคำตอบ
ปัจจัยในการทำ เลเซอร์กำจัดขน
สีและความหนาของขน ขนสีเข้มและหนามักตอบสนองต่อการทำเลเซอร์ขนได้ดีกว่าเส้นขนที่มีสีอ่อนและบาง เนื่องจากเม็ดสีที่อยู่ภายในเส้นขนจะดูดซับพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ได้ดีกว่า
ขนาดของพื้นที่ที่ทำเลเซอร์ ขนาดของพื้นที่ที่จะทำเลเซอร์เป็นตัวกำหนดจำนวนครั้งของการทำเลเซอร์ด้วยเช่นกัน โดยพื้นที่ที่มีบริเวณใหญ่ เช่น ขาหรือหลังอาจต้องใช้จำนวนครั้งมากกว่าพื้นที่เล็ก เช่น บริเวณเหนือริมฝีปาก หรือรักแก้
รอบการเจริญเติบโตของขน เนื่องจากการทำเลเซอร์ขนจะมีประสิทธิภาพที่สุดในขณะที่เส้นขนอยู่ในระยะเติบโต ดังนั้นเส้นขนที่ได้รับพลังงานเลเซอร์และฝ่อตัวลงจะเป็นเส้นขนที่อยู่ในระยะเติบโตเท่านั้น ซึ่งเส้นขนแต่ละเส้นจะมีระยะเติบโตที่ไม่เท่ากันจึงอาจต้องใช้ระยะเวลาในการทำเลเซอร์ขนยาวนานขึ้น จนหรือจนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะเห็นว่าไม่มีเส้นขนขึ้นอีกต่อไป
การตอบสนองของแต่ละบุคคลนอกจากสภาพของเส้นขน และวงจรชีวิตของเส้นขนบนร่างกายแล้ว การตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคลก็ส่งผลต่อจำนวนการทำเลเซอร์ขนด้วยเช่นกัน
จำนวนครั้งในการทำเลเซอร์ขนของคนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5-8 ครั้ง อย่างไรก็ตามเพื่อให้ผลลัพธ์ในการทำเลเซอร์ขนออกมาดีที่สุด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเลเซอร์ก่อน เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินสถานการณ์และกำหนดคอร์สในการทำเลเซอร์ขนที่ดีที่สุด อีกทั้งการเลือกเครื่องที่มีมาตรฐานก็จะยิ่งช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
ข้อดีของการทำ Hifu
Hifu เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อย ๆ ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ กับราคาก็ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความคุ้มค่า
- ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่มีรอยแดงช้ำ
- ไม่ต้องรอการพักฟื้นนานๆ
- มีความปลอดภัยต่อผิวสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก
- ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยและสลายไขมันได้บางส่วน
- ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถช่วยเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง
- ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ Hifu ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้
รวมคำถามเรื่อง Hifu
Hifu ควรทำกี่ช็อต?
การทำ Hifu กี่ช็อตถึงจะเห็นผล ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคนครับ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อยและสภาพผิว ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกับผลการรักษา จึงต้องปรึกษากับหมอให้ช่วยประเมินก่อนทำ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
Hifu กี่วันเห็นผล ?
หลังทำ Hifu จะเห็นผลทันทีประมาณ 30-40% ชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หลักการคล้ายกับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อนๆ เนื้อจะหด ผลการทำ Hifu จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน
Hifu อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 8 เดือนและสามารถ มีระยะเวลาถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับคนไข้สามารถทนเจ็บได้หรือไม่ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ hifu ด้วย